รถยนต์อ่านความรู้สึกได้ เทคโนโลยียานยนต์ ล่าสุดฉีกกฎทุกนวัตกรรมเดิม
หลายคนที่ติดตามเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนรถยนต์รวมถึงนวัตกรรมเกี่ยวกับระบบการใช้งานรถยนต์อยู่ตลอดน่าจะทราบกันดีว่าขณะนี้ความสามารถทางด้านยานยนต์ของโลกนั้นก้าวกระโดดจากเดิมไปมากแบบผิดหูผิดตาเลยทีเดียว ตั้งแต่ที่เรามีเทคโนโลยีในการใช้รถยนต์แบบไม่ต้องใช้น้ำมัน ไปจนถึงมีผู้คิดค้นการขับขี่รถยนต์แบบที่ไม่ต้องมีคนขับ เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เราจะสามารถพบได้ในยุคนี้ก็ดูจะไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นอีกแล้ว เพราะดูเหมือนว่าอะไร ๆ ก็สามารถเป็นไปได้ทั้งสิ้น แม้แต่การแสดงผลหน้าจอด้วย AR ยังสามารถเกิดขึ้นได้เลย ก็คงไม่น่าห่วงว่าจะมีเทคโนโลยีอะไรมาใส่ไว้ในรถยนต์ให้เราลองเล่นกันอีก แต่มีเทคโนโลยีหนึ่งที่รู้สึกว่าค่อนข้างก้าวกระโดดจากเทคโนโลยีอื่น ๆ ไปพอสมควรเลยล่ะ นั่นคือ รถยนต์อ่านความรู้สึกได้ เทคโนโลยียานยนต์ ล่าสุดฉีกกฎทุกนวัตกรรมเดิม
รถยนต์อ่านความรู้สึกได้ เทคโนโลยียานยนต์ ล่าสุดฉีกกฎทุกนวัตกรรมเดิม
เป็นเทคโนโลยีที่คิดขึ้นโดย ศาสตราจารย์เจมส์ ฮับบาร์ด จูเนียร์ จากการทดลองของนักวิจัยหน้าใหม่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง Texas A&M ที่ทำการทดลองเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่สามารถแยกแยะความรู้สึกต่าง ๆ ของคนออกจากกัน ซึ่งการแยกแยะความแตกต่างเหล่านี้จะทำให้รู้ถึงความผิดปกติทั้งทางด้านสุขภาพและจิตใจไปในตัว
ซึ่งไอเดียของอาจารย์ที่จะนำเอาความรู้เรื่องการแยกแยะอารมณ์ของมนุษย์มาอยู่ในเทคโนโลยียานยนต์นั้นก็เพื่อที่จะทำให้รถยนต์สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างทันทีทันใด เช่น การช่วยเหลือผู้ขับขี่ง่าย ๆ ด้วยการเปิดเพลงให้เข้ากับอารมณ์ของผู้ขับขี่ขณะนั้นแบบอัตโนมัติ
ศาสตราจารย์เจมส์ให้ความเห็นว่า รถยนต์อ่านความรู้สึกได้ เทคโนโลยียานยนต์ล่าสุดฉีกกฎทุกนวัตกรรมเดิม จะช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้น เช่น ในขณะที่ผู้ขับขี่มีอารมณ์ร้อนระบบสามารุช่วยคลายความร้อนใจได้ด้วยการเปิดเพลง การปรับแอร์ หรือวิธีอื่น ๆ ที่ระบบตั้งเอาไว้เพื่อให้ผู้ขับขี่กลับมาอารมณ์ดีซึ่งช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่รถด้วยความเร็วจากอารมณ์ที่ร้อนได้ด้วย
นอกจากนี้ระบบแยกแยะอารมณ์เหล่านี้ยังช่วยตรวจสอบดูว่าร่างกายของผู้ขับขี่มีความสมบูรณ์พร้อมหรือไม่ สามารถตรวจดูม่านตาได้ว่ามีความเหนื่อยล้า หรือง่วงนอนจนไม่สามารถขับรถได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเปล่า หรือมีอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงเกินไปจากการดื่มแอลกอฮอล์ หรือความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายที่สามารถตรวจสอบได้ การแจ้งเตือนสิ่งต่าง ๆ
เหล่านี้จะทำให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในเวลาที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อมมากที่สุดนั่นเอง ซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากตัวเองได้ดีที่สุดเลยล่ะ ทำให้การขับขี่บนท้องถนนมีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม
ทางเรายังมีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับรถทั้งความรู้เรื่องรถ การดูแลรถ ข่าวสารรถใหม่ ให้ผู้อ่านและผู้รักรถทุกๆท่าน อีกมากมาย
